บริษัทผู้ผลิตยาชีววัตถุแห่งแรกและแห่งเดียวของไทย
ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2552
ตามพระราชปณิธานของในหลวง ร.9
ที่ทรงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย
.
ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ ผลิตได้แก่ยารักษาโรคชีววัตถุ
อาทิ ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดง
ให้กับผู้ป่วยที่มีอาการไตวายเรื้อรัง
และยาเพิ่มเม็ดเลือดขาว
ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด
โดยยาทั้ง 2 ตัว ผลิตด้วยเทคโนโลยีชีวภาพชั้นสูง
สามารถบำบัดรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำให้ประเทศไทยลดการพึ่งพายาจากต่างชาติ
ด้วยคุณภาพและมาตรฐานสากล
ทั้ง PIC/S GMP, ISO9001, ISO17025 และ ISO13485
และได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ผลิตยาและชุดตรวจโรค
ให้แก่องค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
.
ปีนี้ ทั่วโลกและประเทศไทย
ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19
บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด
ได้ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
พัฒนาและผลิต ชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบ RT-PCR
เป็นวิธีตรวจวินิจฉัยโรคตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO)
และได้มอบให้หน่วยงานราชการ
ใช้ในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยในประเทศมากกว่า 100,000 ชุด
.
ก้าวสำคัญต่อมาคือ การผลิตวัคซีนครั้งนี้
พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด
และบริษัทแอสตร้าเซเนก้า ผู้ผลิตชีวภัณฑ์ชั้นนำของโลก
.
เดือนตุลาคม 2563 บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ,
บริษัท เอสซีจี , แอสตร้าเซเนก้า และกระทรวงสาธารณสุข
ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงในความร่วมมือ
เพื่อที่จะให้วัคซีนนี้ได้มีใช้อย่างแพร่หลายในภูมิภาคอาเซียน
นำไปสู่สัญญารับจ้างผลิตระหว่าง
แอสตร้าเซเนก้า และสยามไบโอไซเอนซ์
แสดงให้เห็นว่า…บริษัทมีความสามารถทางเทคโนโลยีชั้นสูง
สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างมีคุณภาพและมาตรฐานสากล
ส่งผลให้สยามไบโอไซเอนซ์
เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการผลิตวัคซีน
ของแอสตร้าเซเนก้า ที่มีมากกว่า 20 แห่งทั่วโลก
.
การผลิตวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19
ใช้เทคโนโลยีในการผลิตใกล้เคียงกับ
การผลิตยาชีววัตถุจากเซลล์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
ซึ่งสยามไบโอไซเอนซ์
มีประสบการณ์ในการผลิตยาชีววัตถุด้วยเทคโนโลยีนี้
และมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดแล้วทั้งในประเทศและส่งออก
โรงงานมีศักยภาพที่จะรองรับการผลิตวัคซีน
ของแอสตร้าเซเนก้าได้ทุกขั้นตอน
และเป็นโรงงานทีใช้เทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
สามารถรองรับการขยายกำลังการผลิตได้ในอนาคต
.
สยามไบโอไซเอนซ์ จึงเป็นส่วนหนึ่ง
ในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19
โดยดำเนินการผลิต ยึดนโยบายไม่กำไร ไม่ขาดทุน
หรือ no profit, no loss
เป็นนโยบายเดียวกันกับของแอสตร้าเซเนก้า
.
ภารกิจผลิตวัคซีนในครั้งนี้
ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ
จำนวนเงินประมาณ 600 ล้านบาท
และจากบริษัท เอสซีจี 100 ล้านบาท
เพื่อต่อยอด ศักยภาพของโรงงาน
ให้มีความพร้อมในการผลิตวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด
เมื่อผลิตวัคซีนได้สำเร็จ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์
จะสั่งซื้อวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 จากแอสตร้าเซเนก้า
เป็นมูลค่าเท่ากับ จำนวนเงินทุนที่ได้รับ
เพื่อส่งมอบให้กับรัฐบาลในการดูแลสุขภาพของคนไทยต่อไป
.
สยามไบโอไซเอนซ์…มีความภาคภูมิใจ
ที่ได้รับเลือกจากแอสตร้าเซเนก้า
ให้เป็นฐานการผลิตวัคซีน ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19
ตรงตามมาตรฐานระดับโลก
ขณะนี้ บริษัทฯ ได้ปรับแผนการผลิตยาชีววัตถุเดิม
โดยทุ่มสรรพกำลัง ในการผลิตวัคซีน
ที่ได้ตรงตามมาตรฐานของแอสตร้าเซเนก้า
เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชาติ เศรษฐกิจไทย
รวมถึงประชาชนและเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
ที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
ดังปณิธานของบริษัทฯ ที่
“มุ่งมั่นจะทำให้คนไทยและทั่วโลกมีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า”
เฮ่ย! มันเป็นแบบนี้ได้ไงฟ่ะ
.
ChatTalks…คุยธุรกิจ คิดให้เป็น
Tel.081-4954999 , Line ID : ChatTalks
Email : kittisak4999@hotmail.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น